ชีวิตประจำวัน

ยินดีต้อนรับสู่โลกไร้ขยะ

ไลฟ์สไตล์ลดขยะของเราเริ่มมาจากการเปลี่ยนความคิดมาชอบความเป็นอยู่อย่างน้อยๆ หรือที่เค้าเรียกว่า มินิมอล ทำยังไงให้มีข้าวของไม่จำเป็นน้อยลง มองๆไปบ้านเราเริ่มจะรกแล้ว เห็นสิ่งของบางชิ้น ซื้อมายังไม่ได้ใช้เลย การใช้ชีวิตแบบมินิมอล เน้นปรัชญา ความคิด เลยเป็นหัวข้อความชอบของเรา เราเคยซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้ามากมาย แต่ไม่ได้มีความสุขขึ้นเลย

เวลาเราซื้อของเข้าบ้าน ไม่ว่าจะอะไรก็ต้องให้เวลากับมันแต่ละชิ้น เพื่อรักษาสภาพมันให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ อย่างเช่นมีรถ เราก็ต้องเอาเวลาของเราไปล้างรถ หาประกันที่ดีให้ ต้องพามันไปเช็คระยะ เข้าศูนย์ซ่อม จัดการเรื่องที่จอดรถ และอื่นๆ ซึ่งคนที่ไม่มีรถจะประหยัดเวลาส่วนนี้ไปมาก ณ จุดๆ นึง เราเลยคิดว่าเราอยากจะใช้เวลาส่วนเกินนี้ไปกับอย่างอื่นที่มีความหมายและได้ประโยชน์เสียจะดีกว่าที่จะไปดูแลข้าวของที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ ในแต่ละปีเรามักจะตั้งปณิธานว่าจะมีสติระมัดระวังให้กับการใช้ชีวิตในทุกๆ อย่างที่เราทำ ใช้ความคิดในการกระทำแต่ละอย่างในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น เราถือว่านี่เป็นในการเดินทางแบบนึง ซึ่งก็ยังเหลือระยะทางอีกไกลจนกว่าจะไปถึงจุดหมาย แต่อย่างน้อยเราเองก็ได้เริ่มแล้วล่ะ และก็ได้รู้ว่าอะไรที่จำเป็นหรือไม่จำเป็นสำหรับเรา

เราควรจะใช้คำว่านี้คือการใช้ชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ลดขยะมากกว่าปลอดขยะเลยซะทีเดียวในตอนนี้ ถ้าปลอดขยะนั้นอาจจะยังยากในที่ที่เราอยู่ ในระบบเศรษฐกิจแบบนี้ทุกอย่างที่ซื้อยังมากับบรรจุภัณฑ์ แต่ไลฟ์สไตล์ที่ลดการผลิตขยะหรือปลอดขยะนั้นมันก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนได้เพียงชั่วข้ามคืน มันต้องอาศัยความค่อยเป็นค่อยไป และที่สำคัญคือถ้าเรามีความตั้งใจที่ดี มองภาพได้อย่างชัดเจน ว่าอะไรที่เรากังวลอยากจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เราจะสามารถมีส่วนช่วยให้สิ่งแวดล้อมมีสภาพดีขึ้นได้อย่างไร สุดท้ายแล้วเราอยากจะใช้ชีวิตแบบที่ทำร้ายโลกให้น้อยลง พฤติกรรมเหล่านี้อาจจะไม่ยากเกินไปสำหรับเรา

มันอาจจะเป็นความท้าทายอย่างมาก ถ้าจะใช้ชีวิตแบบปลอดขยะเลยตั้งแต่แรกเริ่มของการเดินทางนี้ ปลอดขยะนั่นก็หมายความว่าเราจะไม่สามารถผลิตขยะได้เลย ถึงมันยากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ เราอาจจะตั้งใจไว้ว่าการใช้ชีวิตแบบปลอดขยะเป็นมาตรฐานสูงสุด และเป็นจุดมุ่งหมายทั้งหมดที่เราจะทำตามให้ได้

สำหรับการใช้ชีวิตแบบลดการผลิตขยะเนี่ยจะต้องมีการเตรียมพร้อมที่ดีล่วงหน้าเวลาจะไปไหน คิดว่าวันนี้เราจะไปซื้ออะไร หรือจะทำอะไร จะเจอสถานการณ์แบบไหนบ้างเวลาออกนอกบ้าน  เราคิดว่ามันคือการเรียนรู้เรื่อยๆ แบบค่อยเป็นค่อยไปนะ เราจะเข้าใจจากความผิดพลาดของทุกวัน ถึงวันนึงมันจะกลายเป็นพฤติกรรมที่ไม่ต้องใช้ความพยายามกับมันมาก และเราก็จะรู้เองว่าควรทำอะไรในสถานการณ์แบบไหน ซึ่งมันจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเรา เดี๋ยวนี้เราสามารถอัปเกรดอุปกรณ์ไลฟสไตล์ที่ช่วยในการใช้ชีวิตนอกบ้านแบบลดขยะได้ไม่ยาก หรือดีที่สุดก็ใช้ในในสิ่งที่มีอยู่นี่แหละ เราคิดว่าไลฟสไตล์แบบนี้มันสนุกมาก ท้าทายและมีเสน่ห์สุดๆ ด้วยความเป็นจริงที่ว่าเรามีส่วนช่วยในการรักษาโลก เรารักโลก โลกก็รักเรา สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นให้เราทำได้ทุกวัน

ก็มีหลายๆคนที่เค้าสามารถใช้ชีวิตแบบ แบบปลอดขยะหรือ zero waste ได้แล้วโดยเอาทฤษฎีนั้นมาใช้ในชีวิตจริง ครั้งแรกที่ได้ฟังเราเองก็ประทับใจจากการพูด TED talk ของ Lauren Singer ด้วยท่าทางความมุ่งมั่นของเธอเอง แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะพูดถึง Bea Johnson กับการสรุปคอนเซ็ปต์ทฤษฎีได้อย่างยอดเยี่ยมกะทัดรัด เข้าใจง่าย ที่ว่าจะใช้ชีวิตแบบปลอดขยะได้อย่างไร กับ 5 Rs ตัวอาร์ห้าขั้นตอน เราเข้าใจนะว่าเราไม่สามารถที่จะทำอะไรแบบนี้ได้คนเดียวหรอก มันจะดีมากเลยถ้าเราสามารถทำให้วงจรการบริโภคโดยรวมของเรานั้นสะอาดมากขึ้น ซึ่งเราเองก็สามารถจะเริ่มจากทฤษฎีเหล่านี้เองได้เลยเดี๋ยวนี้

1 ปฎิเสธ (R-Refuse)โดยพูดว่า ‘ไม่’ กับอะไรที่รู้ว่าจะลงถัง

อยากได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ในขนาดทดลองบ้างไหมล่ะ? บางทีเราเจอคนยืนแจกผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองให้เราใช้ตามสถานที่ต่างๆ หรือเวลาที่เราเร่งรีบกำลังเดินทางขึ้นรถไฟฟ้า ไม่อยากรับใช่มั้ย? เราก็รู้เองแหละวิธีการปฏิเสธที่จะไม่รับมันตั้งแต่แรก พยายามฝึกไว้ซะ มันไม่ถือว่าเป็นการไร้มารยาหรืออะไรเลย อย่าคิดมาก เราสามารถอธิบายเค้าไปตรงๆ หรือว่าอาจจะชวนเค้าคุยเรื่อยสัพเพเหระอื่นๆ เพื่อให้เค้าไปโฟกัสเรื่องอื่นก็ได้ถ้าเราเองรู้สึกผิดมากไปจากการปฎิเสธ  หรือบางทีเราอยากได้ที่อยู่ของบริษัทซัพพลายเออร์ จากงานแสดงต่างๆ เพื่อใช้ในการติดต่อภายหลัง เราสามารถใช้มือถือเพื่อถ่ายที่อยู่ที่เราอยากจะได้นั้นลงในมือถือสิ ยิ่งเดี๋ยวนี้มือถือสมาร์ทโฟนทั่วไปก็มีกล้องหมดแล้ว แค่เปลี่ยนวิธีเก็บพวกนามบัตร โบชัวร์ เป็นรูปแบบดิจิทัลซะ ดีกว่าถือกระดาษ นามบัตรกลับบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งของแถมพรีเมี่ยมทั้งหลาย เราอาจจะพูดปฏิเสธก่อนที่เค้าจะเสนอให้เสียอีก ลองดูสิ ‘ไม่ถุงนะคะ’ ไม่หลอดนะคะ’ เวลาเราไปช๊อปปิ้งหรือร้านอาหาร ของพวกนี้หน่ะ มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้สติเลยทีเดียวกับการตอบโต้กับผู้คนในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าฝึกไปเรื่อยๆ ก็รู้ว่าจะต้องทำยังไง เดี่ยวก็เก่งขึ้นเองแหละนะ

2. ลด (R-Reduce) ลดการบริโภคลง

เรามักจะสงสัยอยู่เสมอว่าผลิตภัณฑ์ที่เราใช้เนี่ยผลิตมาจากไหน เราจะสามารถผลิตเพื่อใช้เองได้มั้ย จริงๆแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะทำทุกอย่างใช้เอง เราก็ยังเป็นผู้บริโภคหลักอยู่ดีแต่อย่างน้อยก็อย่าเป็นผู้ผลิตขยะหลักก็แล้วกัน เราเองเริ่มจะคิดให้มากขึ้นก่อนที่จะซื้ออะไรเข้ามาในบ้าน จะซื้อเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้นล่ะ ซึ่งระยะเวลาหนึ่งก็จะรู้ว่า ไม่ใช่แค่ตัวเลขทางการเงินที่จะดูดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีเวลามากขึ้นด้วย เรามีสวนครัวเล็กๆ หลังบ้านเพื่อที่เวลาทำอาหารจะได้หยิบมาใช้ในปริมาณที่พอเหมาะและไม่เหลือทิ้ง เลือกกินอาหารที่มาจากผักผลไม้ซะส่วนใหญ่ ไม่ซื้อเสื้อผ้าตามแฟชั่นอีกต่อไป เพราะฉะนั้นเราก็จะประหยัดเวลาตอนเช้าไม่ต้องมานั่งหน้าตู้เสื้อผ้าแล้วเลือกไปมาว่าจะใส่อะไรดี เราทบทวนตัวเองว่าเราใช้อะไรบ่อยๆ อะไรที่ไม่ได้ใช้มักจะเอาไปบริจาคให้กับชุมชนของมือสองเพื่อสร้างอาชีพต่อ โชคดีที่มีสถานที่แบบนั้นอยู่ใกล้ๆบ้าน บางทีก็ไม่ได้บริจาคอย่างเดียวเผลอๆก็อาจจะเจออะไรที่เราอยากได้พอดี ซึ่งราคาถูกกว่าทั่วไปและดีกว่าที่จะซื้อของใหม่ซะอีก

ถึงเวลาแล้วที่เราจะลุกขึ้นมาจัดบ้าน จัดหมวดหมู่ให้ของใช้ที่เรามีซึ่งมันจะทำให้เราหาของที่จะใช้ได้ง่ายขึ้น พยายามใช้ผลิตภัณฑ์ที่เราซื้อมาให้หมดก่อนที่เราจะซื้อมาใหม่ บางคนคงไม่รู้ว่ามีน้ำหอมกี่ขวด ลิปสติกกี่สีกี่แท่ง รู้ตัวอีกทีของก็เต็มไปหมด ผลิตภัณฑ์มันก็มีวันหมดอายุนะ ไม่ได้นับจากวันที่เราซื้อแต่วันที่ผลิตต่างหาก บางคนก็ลืมไปเก็บไว้ซะนานเลย เราเองเริ่มจะศึกษาเรื่องสารเคมีในผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้นว่ามันทำอันตรายกับเราอย่างไร มีผลเสียกับร่างกายเรามากน้อยเท่าไหร่ เราชอบผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติซึ่งเราจะสรรหามาใช้อยู่เป็นประจำ และก็มักจะทำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติใช้เอง ซึ่งมันก็จะช่วยประหยัดการซื้อสิ่งของที่มีแพกเกจมาได้ ยกตัวอย่างเช่นเราทำลิปบาล์มใช้เอง  แล้วไม่เคยจะได้ซื้อใช้อีก สิ่งพวกนี้ก็จะทำให้เรามีความสามารถ ในการมองเห็นได้ว่าอะไรที่สุดท้ายแล้วอะไรจะกลายเป็นขยะ แล้วเราก็เลี่ยงที่จะซื้อหรือรับมาตั้งแต่แรก แต่นั่นก็หมายถึงว่าจะต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือที่ดีและก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งของที่มีอย่างคุ้มค่า

3. นำกลับมาใช้ใหม่ (R-Reuse) ปลุกเพื่อนเก่าให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ถ้ามาคิดๆว่าอะไรที่เราจะสามารถเอาใช้แทนหรือว่าซ่อมแซมก่อนจะตัดสินใจซื้อของใหม่เนี่ยมันก็ถือว่าเป็นการท้าทายความคิดสร้างสรรค์ในการหาแก้ปัญหา หาทางออกของเราอย่างนึงเลยทีเดียว  พฤติกรรมอันนี้แหละที่ช่วยสอนเราให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ มีของใช้อยู่หลายอย่างที่เราหามาแทนการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเป็นขยะไปของที่นำกลับมาใช้ได้หลายครั้ง เราเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟจะต้องมี 1-2 แก้วต่อวันการเราเปลี่ยนมาใช้แก้วกาแฟแทนการซื้อแก้วใหม่ทุกวัน ใช้หลอดสเตนเลส ถ้าคิดตัวเลขง่ายๆเราลดการทิ้งขยะแก้วกาแฟกับหลอดได้อย่างน้อยๆ 365 ใบ 365 หลอดในปีที่แล้ว เรามักจะเตรียมตัวเตรียมถุงผ้าทุกครั้งที่ไปช๊อปปิ้ง หลังจากที่อยู่ในชุมชนคนลดขยะมาซักพักแล้ว ก็เห็นว่าหลายๆคนไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องแปลกแล้วก็ยังสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนอื่น ไปที่ไหนทุกคนก็ร่วมมือกันดี ไม่มีใครต่อต้านหรือซักถามอะไรมากมาย มีเทคนิกและความรู้อีกหลายๆอย่างที่เราจะหาได้จากชุมชนปลอดขยะนี้ เราต้องเสียทรัพยากรหลายๆอย่างมากมายในสายการผลิต เราคิดว่าถ้าเราสามารถเป็นกระบอกเสียงได้และวันนึงสื่อไปถึงบริษัทการค้า ผู้ประกอบการใหญ่ๆ ซึ่งเค้าอาจจะเล็งเห็นความสำคัญและสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดขยะไปด้วยก็เป็นได้

4. รีไซเคิล (R-Recycle) การนำขยะกลับมาใช้ใหม่ได้ บางคนยังบอกว่า ‘ขยะก็คือทอง’

โดยรวมๆ แล้ว ทฤษฎีปลอดขยะหรือลดขยะที่เราพูดถึงกันไปแล้ว สุดท้ายแล้วเราจะเหลือบรรจุภัณฑ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นขยะไว้เพื่อที่จะรีไซเคิล ลองหาบริษัทรีไซเคิลขยะใกล้ๆบ้านดูแล้วถามเค้าว่าจะรีไซเคิลขยะประเภทไหนได้หรือไม่ได้บ้าง เค้าจะมีการจัดการรีไซเคิลขยะเหล่านั้นอย่างไร เราเจอบริษัทรีไซเคิลและร้านรับซื้อของเก่าแถวๆ บ้าน ซึ่งรับซื้อขยะบางอย่างที่เราไม่ใช้แล้ว ทำให้เรามีรายได้นิดหน่อยค่าขยะรีไซเคิล นี่เป็นวิธีการนึงที่ช่วยกระตุ้นให้ชุมชนหันมาแยกขยะได้บ้าง แทนที่จะรวมขยะทุกอย่างทิ้งแล้วทิ้งขยะรวมกันเน่าเหม็นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและมันก็สายไปซะแล้วที่จะกลับมาแยกขยะ สุดท้ายทิ้งไปกับก็กองขนาดมหึมา บางประเทศการที่จะจัดการขยะนำไปรีไซเคิลได้ ครัวเรือนถึงกับจะต้องจ่ายสตางค์ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐหรือเอกชนเป็นค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการขยะ ถ้าเราสามารถปิดวัฐจักรของขยะกลับมาเป็นวัสดุได้ใหม่ได้เช่นการรีไซเคิลก็เป็นอีกหนึ่งทางที่ดี แต่อย่าลืมว่าต่อให้สามารถรีไซเคิลได้การเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลนั้นยังต้องใช้ทรัพยากรที่บริสุทธิ์อีกมากมายอีกเช่นความร้อนพลังงาน อย่างน้อยๆก่อนที่เราคิดจะซื้อสินค้าถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงซื้อของที่มีบรรจุภัณฑ์ได้หรือการซื้อของจากร้าน bulk market ขอให้สังเกตซักนิดว่าบรรจุภัณฑ์นั้นอย่างน้อยเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้หรือไม่ ก็ยังดีกว่าสุดท้ายถูกทิ้งตายไปบนกองขยะ

5. ย่อยสลายทุกอย่างที่เหลือ (R-Rot) ย่อยสลาย ย่อยสลาย ย่อยสลาย!

โลกของเราช่างมหัศจรรย์มันสามารถฟื้นฟูได้ด้วยตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่กลับสู่พื้นดิน แต่ยังไงนั้นก็ต้องใช้เวลาในการย่อยสลาย ผลผลิตหลังจากการย่อยสลายนั้นก็กลายเป็นอาหารสำหรับสิ่งมีชีวิตต่อได้อีก เรากำลังพูดถึงแค่ขยะที่สามารถย่อยสลายได้ เช่น อาหาร ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ออแกนิก ยกตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์จากไม้ ของพวกนี้สามารถย่อยสลายได้แน่นอน ของบางอย่างถึงแม้จะย่อยสลายได้ก็ใช้เวลาหลายชั่วอายุคนเช่นพวกพลาสติก จะไม่นับว่าอยู่ในหมวดหมู่นี้ เราสามารถติดตั้งระบบการนำไปย่อยสลายได้อย่างง่ายๆ หลังบ้านของเราเอง ในประเทศสกอตแลนด์ เราสังเกตเห็นว่าในครัวของเค้ามีถังขยะเล็กๆ ซึ่งใช้สำหรับทิ้งขยะเศษอาหาร ในอาทิตย์นึงเค้าจะเอาถังนี้ไปไว้หน้าบ้านตามเวลานัดที่กำหนดไว้เพื่อรอให้ทางรัฐบาลหรือเอกชนเก็บขยะพวกนี้ไป ขยะที่พวกนี้จัดการโดยทางรัฐบาลหรือเอกชนของเมืองนั้นๆ โดยเค้าจะระบุรายละเอียดเป็นคู่มือประเภทของขยะที่เค้าอนุมัติว่ารับไปได้ในเว็บไซด์ของเค้าเอง หลังจากที่รับขยะไปแล้ว ขยะนี้จะถูกส่งไปเข้าสู่กระบวนพิเศษเพื่อการย่อยสลายต่อ กลายเป็นดินดีให้กับฟาร์มเพาะปลูกต่างๆ หรืออาจจะกลายเป็นรูปแบบของพลังงานต่างๆ อันนี้ถือว่าเป็นการจัดการขยะที่เยี่ยมมากของชุมชนเมืองใหญ่ แต่ก็อีกนั่นแหละขยะเปียกที่สะสมหลายๆบ้านก็กลายเป็นขยะจำนวนมหาศาล ดีที่สุดคือการลดขยะจำพวกนี้ให้น้อยลงตั้งแต่แรก ซึ่งก็มีหลายๆ วิธีที่ช่วยจัดการลดขยะจำพวกนี้ เก็บไว้เล่าครั้งต่อไป

โอเคล่ะ ตอนนี้เราก็หวังว่าคอนเซ็ปต์ที่เล่ามานี้คงจะจุดประกายไอเดียของใครหลายๆคนที่กำลังกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมและสนใจที่จะเปลี่ยนการใช้ไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันแบบลดขยะหรือปลอดขยะเลยก็ได้ บางคนอาจจะอยากเริ่มต้นแล้วหรือบางคนอาจจะเริ่มไปบ้างแล้ว  เราคอนเฟิร์มได้เลยว่าสามารถเริ่มเองได้ตอนนี้เลย บางคนพิสูจน์แล้วว่าใช้ชีวิตแบบปลอดขยะมาได้หลายๆปีแล้ว สุดท้ายนี้อย่างน้อย เราก็ได้ตระหนักแล้วว่าเรื่องขยะนั้นไม่เล็ก มันเป็นปัญหาสำคัญของระบบสิ่งแวดล้อมในตอนนี้ หลายๆคนอาจจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆรอบตัวจากภาวะโลกร้อนบ้าง จากหลายๆเหตุการณ์น่าสลดที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ หลายๆคนได้กังวลและเคลื่อนไหวกันบ้างแล้ว ค่อยๆเริ่มนะ อย่าลืมว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมันไม่ได้เปลี่ยนได้ในชั่วข้ามคืน ต้องใช้ความสม่ำเสมอ ความตั้งใจ และก็อาจจะไม่เห็นผล หรือไม่ได้รับอะไรตอบแทน อย่างน้อยเราก็ได้มีส่วนในการทำให้โลกสะอาดขึ้น ยังไงก็อย่าใจร้ายกับตัวเองเกินไป และก็อย่ายอมแพ้ล่ะ

Previous Post Next Post

No Comments

Leave a Reply