พม่า, เอเชีย

ทริปไหว้พระที่พม่า

ใครๆ ก็ตั้งใจจะเริ่มปีทองของตัวเองให้ดี เราก็หวังเช่นกัน เริ่มต้นปีนี้พาครอบครัวไปไหว้พระที่พม่า เป็นความตั้งใจว่าจะเที่ยวในเอเชียให้มากขึ้น อยากไปเห็นวัฒนธรรมความเชื่อของคนที่อยู่ในประเทศเสมือนบ้านใกล้เรือนเคียง คนเมียนม่าส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ เค้ายังคงรักษาวัฒนธรรมของเค้าไว้อย่างดี มั่นคงและสวยงาม อยากให้ครอบครัวเราได้ไปเห็นวัฒนธรรมดีดีแล้วนำเอาความรู้สึกที่ดีกลับมาเก็บไว้สำหรับปีนี้ สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศพม่า เราคิดว่าวิธีที่ดีและจะไม่ทำให้เสียเวลาราคาไม่แพงคือไปเที่ยวกับทัวร์นั่นเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ใหญ่แล้วด้วย มากับบริษัททัวร์ก็จะมีความสะดวกสบายมากกว่า ถึงแม้ว่าเราจะชอบเที่ยวเองก็เถอะ มาแบบทัวร์ข้อดีคือเค้าจะให้ข้อมูลอย่างที่เราอาจจะหาไม่ได้ทั่วๆ ไป ก็จะช่วยประหยัดเวลาหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ในที่ต่างๆ ประหยัดเวลาการวางแผนเดินทางล่วงหน้าไปได้เหมาะสำหรับเราที่มีเวลาจำกัด เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นแล้วกันเนอะ

หลังๆนี้ เราเริ่มจะชอบท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์มากขึ้น มันทำให้สถานที่นั้นดูมีคุณค่า อธิบายวัฒนธรรมและศิลปะที่เห็นหลายๆอย่าง ไกด์ก็มีเรื่องเล่ามากมายของขนมธรรมเนียม ความเชื่อของคนที่นี่  เรื่องราวที่เล่าต่อๆ กัน ไปจนถึงคนสำคัญที่สร้างและบำรุงศาสนาสมัยก่อน ถึงแม้ว่ายังคงไว้แต่สถานที่ไว้ให้ได้ชื่นชม นี่ก็เป็นหนึ่งในการหาความรู้รอบตัวที่ดีจากผู้เชี่ยวชาญ ก็คือจากไกด์ของเรานั่นเอง

สถานที่แรกที่เราได้ไปแวะก็คือ เจดีย์ไจ๊ปุ่น แห่งเมืองหงสาวดี เจดีย์นี้สร้างตั้งแต่เมื่อ 500 ปีที่แล้ว โดยพระราชธิดาของกษัตริย์ 4 องค์ที่ได้อุทิศตนแด่พุทธศาสนา และสัญญาจะไม่ยุ่งกับบุรุษ แต่ละองค์ก็เสมือนเป็นพระประจำตัวเอง แต่จะมีองค์นึงที่ใบหน้าไม่เหมือนองค์อื่นๆ เพราะว่า เจดีย์ได้พังทลายลงมาและได้รับการบูรณะใหม่ภายหลัง เล่าว่าเป็นเพราะพระราชธิดาองค์สุดท้องได้เกิดมีความรักกับชายหนุ่มและได้แต่งงานกัน

ต่อมาเวลาสายๆหน่อย ใกล้ๆเพล นั่งรถไป วัดไจ้คะวาย ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สอนพระพุทธศาสนาด้วย มีคนมาบวชเรียนเป็นพระและเณรจำนวนมาก ช่วงกลางวันประมาณ 11 โมง พระและเณรจะมาเข้าแถวและอุ้มบาตรเพื่อบิณฑบาต และเดินไปฉันเพลที่ห้องอาหาร มีโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ ระหว่างที่พระเดินนี้นักท่องเที่ยวจะได้มีโอกาสทำบุญใส่บาตร ซึ่งการใส่บาตรนี้ในพระพุทธศาสนาสอนถึงการให้การสละ เพื่อเป็นการลดกิเลสอย่างนึง และเป็นการบำรุงพระพุทธศาสนาด้วย เป็นภาพที่น่าประทับใจ

วัดพระยิ้มหวาน สร้างขึ้นเมื่อประมาณพันกว่าปีมาแล้วแหน่ะ มีประวัติศาสตร์ที่เก่ามากๆเลย หลังจากเมืองหงสาวดีถูกปล่อยให้รกร้างหลังจากการทำศึก พระพุทธรูปนี้ได้ถูกค้นพบในภายหลังในกลางป่าที่รกร้างโดยทหารอังกฤษ พระพุทธรูปนี้เป็นปางไสยาสน์ หน้าพระพักตร์ยิ้มแย้ม มาที่นี่ควรจะเดินรอบๆ ที่ฐานจะมีภาพวาดสีเล่าเรื่องราวของพระพุทธเจ้า และเรื่องราวว่าพระองค์นี้สร้างมาได้อย่างไรด้วย หน้าวัดจะมีตลาดย่อมๆ สำหรับให้นักท่องเที่ยวซื้อหาของที่ระลึกท้องถิ่นราคาถูก ไกด์บอกว่าถูกที่สุดมากกว่าตลาดทั่วๆไป สินค้าจะเป็นพวก ไม้แกะสลัก เครื่องทองเหลือง เครื่องเงิน ผ้าถุง สำหรับใครที่ต้องการซื้อใส่ไปวัดใส่ถ่ายรูปที่พม่า ก็มาเลือกซื้อหาที่นี่ได้เลย

เจดีย์ชเวมอดอ หรือ พระธาตุมุเตา ที่มีชื่อแบบนี้ในภาษามอญแปลว่าจมูกร้อน เพราะว่าเจดีย์องค์นี้สูงมาก ต้องแหงนหน้ามองสู้กับแสงแดด เจดีย์องค์นี้สูงกว่าชะเวดากองเสียอีก ถือได้ว่าเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่า เจดีย์ในพระพุทธศาสนามักจะเป็นที่เก็บอัตฐิ เส้นผม ฟัน และส่วนต่างๆ ของพระพุทธเจ้าไว้ข้างใน ที่คนสมัยก่อนนั้นได้รับมาบูชาเก็บไว้ให้คนรุ่นหลังได้กราบไหว้ สำหรับที่นี่เป็นที่เก็บเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้า เจดีย์นี้มีการชำรุดบ่อยๆ เพราะว่าเกิดจากแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ครั้งนึงทำให้ส่วนยอดพังลงมา ส่วนที่พังลงมายังคงตั้งไว้อยู่ คนที่มีความเชื่อก็จะเอาธูปไม้ที่เหลือจากการไหว้มาค้ำไว้ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยค้ำจุนชีวิตไม่ให้ล้มลงมาเหมือนเจดีย์

พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย การเดินทางขึ้นไปต้องขึ้นรถกระบะบรรทุก เค้าจะทำบันไดทางขึ้นและที่นั่งและที่จับหลังกระบะไว้ คนไทยที่นี่เรยกว่ารถขนหมู ตอนนั่งรถขึ้นเขาก็จะเหมือนนั่งรถไฟเหาะหน่อยแต่ก็ได้ดูวิวเขาไปชิวๆ ลมเย็นๆ ไปจอดที่สถานีขึ้นกระเช้า น่าจะพึ่งสร้างใหม่ วิ่งนิ่มดีเชียว ใช้เวลานิดเดียวก็ถึง เราพักไม่ไกลจากวัด การขึ้นไปสักการะพระธาตุจะต้องเดินขึ้นเขาไปหน่อย ทางเดินเป็นบันได แต่ต้องถอดรองเท้าตั้งแต่หน้าวัด มีเรื่องเราที่เป็นข้อคิดว่าก้อนหินนี้ลอยได้อยู่เหนือหน้าผาก่อนหน้านี้ไก่รอดได้ และลงต่ำลงเรื่อยๆ จนนกรอดได้ นกตัวเล็กรอดได้ ตอนนี้เส้นผมรอดได้ ตามความเสื่อมถอยลงของศาสนาพุทธตามยุคสมัย คนที่นี่รักสถานที่นี้มาก บำรุงเป็นอย่างดี มีการไหว้สักการะอยู่ตลอดเวลา สวดมนต์นั่งสมาธิ ตอนเช้ามีการใส่บาตรถวายอาหารพระพุทธ ตอนเช้าจะมีพระเดินบิณฑบาตอยู่ทางเดินหน้าวัดตอน 6 โมงทำให้ถนนเส้นหน้าวัดครึกครื้น เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แม่ค้าพ่อค้า ไปคราวนี้พระธาตุปิดซ่อมแซมพอดี ใครจะไปโชคดีเท่าเรา จะได้ทำบุญใหญ่ซ่อมแซมวัดซึ่งนานๆ จะซ่อมที ใช่ไหมล่ะ ถ้าคิดในแง่ดีแบบนี้ก็สบายใจละ การไหว้พระธาตุเค้าว่าต้องขึ้นไป 3 ครั้งอันนี้แล้วแต่ความศรัทธาและความฟิตของแต่ละคน ไหว้พระแล้ว ก็ต้องแวะไหว้เทพ มีเทพที่เป็นรูปปั้นผู้หญิงนอน เชื่อว่าเป็นเทพสุขภาพ รอยเท้า และพระธาตุอินทร์แขวนรูปจำลอง สำหรับใครที่เป็นผู้หญิงแล้วเข้าไปไหว้บริเวณพระธาตุองค์จริงไม่ได้ น้ำมนต์จากรอยพระบาทและพยานาค

พระราชวังกัมโพชธานี หรือ วังบุเรงนอง เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่ทับของเดิม ของกษัตริย์พม่าที่มีพระปรีชาสามารถในการรบ จนได้รับฉายาว่าผู้ชนะ 10 ทิศ สร้างได้สวยงามมากเลย มีลายเล็กลายน้อยทาสีทอง สีทองที่นี่สวยดี เห็นจากประตูทางเข้าวัดที่เห็นผ่านๆมา เป็นวัดที่ไม่มีชื่ออะไรแต่เค้าก็บำรุงซุ้มประตู เจดีย์ในวัดอย่างดีทาด้วยสีทองแล้วดูสวยมาก ต่อที่พระราชวัง ได้ชมภายในเค้าจัดแสดงเสาไม้ที่เคยเป็นฐานเสาของพระราชวังเดิมอยู่ด้วย เป็นเสาไม้ที่ใหญ่ดี เดินรอบๆ ก็จะมีข้อมูลต่างๆ มีบัลลังก์สิงห์จำลองที่สร้างไว้อย่างอลังการ

พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือ พระตาหวาน มีพระนอนองค์ใหญ่ ลักษณะเด่นคือมีดวงตาแก้วที่สั่งทำจากต่างประเทศ มีความเหมือนจริง ขนตางอน เครื่องประดับเศียรประกอบด้วยอัญมณีมากมาย คงเป็นความตั้งใจที่จะทำนุบำรุงของคนที่นี่ จีวรมีความพริ้วไหว เล่าว่าศิลปะบางส่วนรับมาจากกรีก ส่วนพระบาตรมีลวดลาย คาถามงคล 108 เค้าว่าอย่างนั้น แนะนำให้เดินรอบๆ องค์พระ มีพระพุทธรูปลักษณะต่างๆ อยู่รอบๆ มีเทพทันใจด้วย สำหรับใครที่ไม่ได้ไปโบดาทาวน์ ที่นี่ก็มีรูปจำลองด้วย

เจดีย์ชะเวดากอง เป็นเจดีย์ที่สำคัญของชาวพม่า ด้วยความศรัทธาจึงมีการถวายเพชรนิลจินดาเพื่อประดับเจดีย์นี้ น่าจะเป็นเจดีย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดเลยล่ะมั้ง ตัวเจดีย์ฉาบด้วยทองอร่าม มีเจดีย์น้อยๆรายล้อมเป็นจุดเด่นของเจดีย์ที่นี่ การเดินเข้าไปในวัดจะต้องมีการฝากรองเท้า ผู้หญิงให้ใส่กระโปรงยาวถึงข้อเท้าเท่านั้นล่ะ เราว่าเราเตรียมตัวดีแล้ว ใส่กระโปรงคลุมหัวเข่า แต่ก็ยังไม่ผ่าน ผู้หญิงแม้แต่ใส่กางเกงยีนส์แต่รัดรูปก็เข้าไม่ได้ เค้าจะมีผ้าถุงให้ยืมก่อนเข้าไปสักการะ ตอนที่เราไปกำลังบูรณะอยู่เชียวเลยได้ทำบุญบูรณะเจดีย์ รอบๆ เจดีย์จะมีที่ให้ไหว้ ขอพรตามมุมต่างๆ ตามความเชื่อ เราพึ่งรู้จากเพื่อนร่วมทริปว่า มีหลวงพ่อสมปรารถนาซึ่งส่วนใหญ่คนจะมาขอในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ หลังจากที่ขอก็ทำให้ได้ตามที่หวังทั้งหมด จนทางวัดกลัวว่าจะมีคนไม่ประสงค์ดีมาขอพร จึงเก็บพระสมปรารถนานี้ไว้ และฉายให้ประชาชนสักการะผ่านจอมอนิเตอร์ ถ้าไปตอนเย็นจะกำลังดีไม่ร้อนเกินไป มีคนมากมายมานั่งสมาธิและนั่งสักการะรอบๆ เจดีย์เป็นกลุ่มๆ ไม่ใช่คนต่างชาติ คนเมียนม่าเองก็มากันเยอะอยู่เหมือนกัน ทำให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาของที่นี่ยังหนักแน่นอยู่จริงๆ

เจดีย์กลางน้ำเยเลพญา จุดเด่นคือจะต้องนั่งเรือข้ามไปที่เกาะกลางน้ำ ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นได้ทำมาหากิน ขายดอกไม้สักการะ บริการเรือข้ามฝาก เด็กตัวน้อยขายขนมและของที่ระลึก แม่น้ำที่นี่เป็นสีชา วันนี้อากาศค่อยข้างร้อน วัดนี้เป็นวัดที่สวยงาม พระพุทธรูปที่นี่มีความสวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ที่เป็นสีขาวหน้าตายิ้มแย้ม เป็นศิลปะที่สวยมากเลยที่เดียว มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ไหว้ตามมุมต่างๆ ของวัด มีพระอุปคุต ตามความเชื่อเป็นผู้ที่มีฤทธิ์มากปราบมารได้

เจดีโปตาทาวน์ คนที่มีความเชื่ออย่างหนักแน่น ก็คงจะชอบมาที่นี่ เพราะที่นี่จะมีเทพทันใจและเทพกระซิบที่มีชื่อเสียง ว่ากันว่าจะได้สมปรารถนาตามสิ่งที่ขอ ซึ่งให้ขอ 1 ข้อเท่านั้น คาดว่าเพราะคิวจะยาว มีหลายๆ คนกลับมาสักการะตามสัญญาเมื่อสิ่งที่ตัวเองของนั้นเป็นความจริง และยังมีพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าเก็บไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวสักการะของคนที่นี่ อยู่ในเจดีที่ภายในเป็นพนังไม้แกะสลักทาสีทองอร่ามสวยงามมาก

ตลาดสก๊อต มักจะเป็นที่สุดท้ายก่อนจะเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ เป็นตลาดที่มีความหลากหลาย ของที่ระลึก โดยเฉพาะหยกหินแร่และอัญมณีต่างๆ ก่อนจะซื้อเพื่อเป็นของที่ระลึกให้เลือกร้านที่มีใบรับรอง เพราะจะต้องมีการตรวจสอบที่ด่านที่สนามบิน อาจจะไม่ได้รับอนุญาติให้นำออกนอกประเทศ นอกจากหยกแล้วก็มีของทำมือ ภาพวาด กระเป๋าสานลายปักต่างๆ กาแฟ ชา ละขนมขบเคี้ยวให้ซื้อหาตามอัศยาศัย เห็นร้านทองของที่นี่มีการแบขายซึ่งไม่เกรงกลัวการขโมยอะไรทั้งสิ้น คนที่นี่เป็นมิตร และกฏหมายของที่นี่ก็คงโหดอยู่แหละ ถึงไม่มีโจรโขมย

Previous Post Next Post

You may also like

No Comments

Leave a Reply